เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพบหารือประธานหอการค้าดูไบ และกล่าวปาฐกถาพิเศษฉลองโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี ความสัมพันธ์ไทย-ยูเออี ในงาน Doing Business with Thailand ในโอกาสเยือนไทยของหอการค้าดูไบและคณะภาคเอกชนดูไบ
เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๘ นายชุตินทร คงศักดิ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนางสาวนิภา นิรันดร์นุต กงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ ได้เข้าร่วมงาน Doing Business with Thailand ในโอกาสเยือนไทยของนาย Mohammad Ali Rashed Lootah ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารหอการค้าดูไบ พร้อมผู้บริหารหอการค้าดูไบและคณะนักธุรกิจดูไบจาก ๒๐ บริษัท ๑๐ สาขา ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ภายใต้กิจกรรม 2025 New Horizons Roadshow ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ โดยในงานมีนักธุรกิจไทยและดูไบ ตลอดจนสื่อมวลชนสนใจเข้าร่วมงานฯ มากกว่า ๕๐๐ คน และมีการเจรจาทางธุรกิจระหว่างภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายมากถึง ๒๘๘ กิจกรรม
ก่อนเริ่มงาน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับประธานหอการค้าดูไบในการประชุม High-Level Meeting โดยมีบุคคลสำคัญของฝ่ายไทยและยูเออีเข้าร่วม อาทิ นาย Obaid Saeed Obaid Bintaresh Aldhaheri เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประจำประเทศไทย นางสาวนิภา นิรันดร์นุต กงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทย นายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และนางสาวฐนิตา ศิริทรัพย์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
ในพิธีเปิดงาน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ (Special Remarks) โดยกล่าวถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่ดำเนินมาครบ ๕๐ ปีในปีนี้ ซึ่งการเยือนของคณะผู้แทนหอการค้าดูไบในครั้งนี้ ตลอดจนการเปิดสำนักงานหอการค้านานาชาติดูไบ (Dubai International Chambers) ที่กรุงเทพฯ ถือเป็นการเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษนี้ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ ๑ ของยูเออีในอาเซียน ในขณะที่ยูเออีเป็นคู่ค้าอันดับ ๑ ของไทยในตะวันออกกลาง มูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างกันสูงกว่า ๒ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเพิ่มพูนขึ้นเป็น ๓ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในอนาคตอันใกล้ โดยในจำนวนนี้ การค้าของสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันเติบโตสูงถึงร้อยละ ๙ และในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา มีโครงการลงทุนใหม่จากยูเออีเข้าไทย ๑๙ โครงการ มูลค่ากว่า ๙๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในจำนวนนี้มีศูนย์ข้อมูลของ DAMAC Group และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ของ Cleanmax ซึ่งล้วนเป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์เพื่ออนาคตเศรษฐกิจที่ยั่งยืนร่วมกัน
เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังกล่าวเน้นย้ำศักยภาพในความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยและยูเออีโดยเฉพาะอย่างยิ่งดูไบ ในประเด็นสำคัญได้แก่ การเป็นสะพานเศรษฐกิจเชื่อมโลกผ่านโครงการ Landbridge โอกาสการลงทุนเพื่ออนาคตผ่านเศรษฐกิจ BCG ร่วมกันในสาขาต่าง ๆ เช่น เกษตรอัจฉริยะ การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์ชีวภาพ นวัตกรรมการแพทย์ โซลูชั่นดิจิทัล และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงการใช้ประโยชน์จากไทยในฐานะที่เป็นศูนย์กลางดิจิทัลแห่งอาเซียนที่จะสามารถสนับสนุนและส่งเสริมบทบาทของยูเออีในฐานะที่เป็นศูนย์กลางดิจิทัลแห่งภูมิภาคตะวันออก ทั้งนี้ การผลักดันความร่วมมือเหล่านี้จะต้องมีการกระชับความร่วมมือภาคเอกชน ซึ่งสองฝ่ายมีแผนจะจัดตั้งสภาธุรกิจร่วมอย่างเป็นทางการ และจะฟื้นฟูสภาธุรกิจไทยในดูไบ เพื่อเป็นเวทีสำคัญในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ร่วมกันให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และในช่วงท้าย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวสร้างความมั่นใจแก่คณะหอการค้าดูไบว่า ประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจ โดยไม่ใช่แค่ในฐานะตลาด แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางด้านนวัตกรรม การเติบโต และความร่วมมือระยะยาว และเชิญทุกภาคส่วนร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้นในอีก ๕๐ ปีต่อไป
นอกจากนี้ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ ได้ร่วมในพิธีตัดริบบิ้นเปิดสำนักงานหอการค้านานาชาติดูไบในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยถือเป็นสำนักงานลำดับที่ ๓๖ ของหอการค้าดูไบที่กระจายอยู่ตามเมืองธุรกิจที่สำคัญทั่วโลก และเป็นแห่งที่ ๓ ในอาเซียน
สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ ในฐานะผู้ร่วมสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ จึงขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของการเยือนไทยของคณะ New Horizons ของหอการค้าดูไบในครั้งนี้